บันทึกผลจากการฝึกอบรมโดย ของ อ.กิตติณัฐ พนมฤทธิ์
การส่งผลงานประกวด"การบริการภาครัฐ" ของ กพร.
คุณสมบัติของหน่วยงานที่จะส่ง
-หน่วยงานของรัฐทุกประเภท
-เป็นผลงานที่ใช้จริงและสำเร็จมาแล้ว 1 ปี
-สมัครตามกำหนด 4 ธค.62 - 14 กพ.63 (3 เดือน)
def:หน่วยงานราชการต่างๆที่บริการประชาชน ในลักษณะต่างๆ
ที่ได้ผลงานดี มีลักษณะเโดดเด่น สามารถเขียนเป็นเอกสาร เพื่อส่งประกวดที่ กพร.
ปี 2563 มี 4 ประเภท
1.ประเภทนวัตกรรมบริการ
2.ประเภทพัฒนาการบริการ
(จะพัฒนาจากผลงานคนอื่นได้่ แต่ต้อง
-เร็วขึ้น
-สะดวกขึ้น
-ถูกลง
)
3.ประเภทขยายผลมาตรฐานการบริการ
(-ต้องขยายผลจากผลงานที่เคยส่งที่ กพร ไม่เกิน 5 ปี เท่านั้น
เป็นของตนเองหรือคนอื่นก็ได้
-Scopeการขยาย ดูตามความรับผิดชอบของหน่วยงานเป็นหลัก
)
4.ประเภทบูรณาการข้อมูลเพื่อการบริการ
(อย่างน้อย 3 กรม ขึ้นไป)
หมายเหตุ : ประเภท 1,2 ใช้รูปแบบการเขียนเดียวกัน
เพราะเป็นการเริ่มต้นจากปัญหาที่เกิด
จากพนักงานหน้างาน หรือ Ftronteer Staff
วิธีการส่งประเภทนวัตกรรมบริการ
-จะต้องเป็นนวัตกรรมที่สร้างขึ้นเพื่อใช้ในการบริการ
เพื่อแก้ปัญหาของผู้รับบริการ เท่านั้น
-Def: กพร. จะมองนวัตกรรมเป็น process
1.เกิดจากการสร้าง Idea ใหม่ (Initiative)
2.แปลง Idea สร้างให้เป็นรูปธรรม(Invention)
3.แล้วนำไปใช้ประโยชน์(Innovation)
Initiative -----> Invention ------> Innovation
หมายเหตุ :
-ถ้าขาดข้อ 3.การใช้ประโยชน์ จะเป็นเพียง"สิ่งประดิษฐ์"เท่านนั้น
มิใช่"นวัตกรรม"
-นวัตกรรม มิจำเป็นต้องเป็น IT เสมอไป
-ลูกค้าเท่านั้นที่จะเป็นผู้บอกว่าเป็นนวัตกรรมหรือไม่? มิใช่เรา
-นวัตกรรมที่ดีที่สุดจะต้องตอบสนองลูกค้ามากที่สุด
-วิธีการสร้างนวัติกรรม
ให้ใช้รูปแบบของหลักคิดของDesigner หรือเรียกว่า Design Thinking
มีวงล้อหมุนเวียน 5 ขั้นตอน ดังนี้(สามารถใช้ Sprint ของ Google ได้)
1.Empathize-เข้าใจลูกค้า
2.Define-สรุปความต้องการลูกค้า
3.Ideate-ระดมสมองกำหนดรูปแบบนวัตกรรม
4.Prototype-สร้างแบบจำลองของนวัตกรรม
5.Test-ทดสอบแบบจำลอง
หมายเหตุ: ขั้นตอนทดสอบถ้าSoftware เรียกว่า Alpha Type Software
หากจะให้ได้รับรางวัล จะส่งผลงานที่
-เป็นการแก้ปัญหาที่สำคัญ(Important)
-รูปแบบการแก้ปัญหาที่มีเอกลักษณ์(Unique)
-เป็นงานที่ทรงคุณค่า(Valuable) อย่างน้อยๆต้องมี Undestand pattern หรือบทเรียนที่ได้รับ
กรอบของรูปแบบการเขียนรายงาน
1.การตั้งโจทย์อย่างเป็นระบบ --->การวิเคราะห์ปัญหา (10 คะแนน)
2.การแก้โจทย์ที่เป็นเหตุเป็นผล --->แนวทางการแก้ปัญหา (20 คะแนน)
3.นำเสนอผลที่เกิด ครบถ้วน --->ผลผลิต/ผลลัพธ์/ผลกระทบ (60 คะแนน)
4.มีความยั่งยืน --->ความยั่งยืนของโครงการ (10 คะแนน)
เช่น จนกลายเป็นงานประจำ หรือ ยังเกิดขึ้นได้แม้สิ้นโครงการแล้ว
สรุปขั้นตอนการเขียนผลงาน(ตาม FlowChart ของ อ.กิตติณัฐ พนมฤทธิ์)
1.ปัญหาคืออะไร
2.แนวคิดในการแก้ปัญหาคืออะไร
-กำหนดแนวทางการแก้ปัญหา
-กำหนดเป้าหมายที่ต้องการ
3.นำไปปฏิบัติอย่างไร
-กำหนดปัจจัยความสำเร็จที่จำเป็น(KSF) KSF ยิ่งมากยิ่งดี
-ระบุสถานการณ์ปัจจุบันของแต่ละKSF
-ระบุกลยุทธ/แผนงาน การแก้ปัญหาของแต่ละKSF
-ระบุทรพยากรที่ใช้ ของแต่ละKSF
หมายเหตุ : เวลาเขียนpaperให้แยกเป็นParagraphให้ดี
4.ผลผลิต/ผลลัพธ์คืออะไร
5.ประชาชนได้อะไร
6.ประเมินเป็นทางการอย่างไร
7.จัดการผลผลิตเชิงลบอย่างไร
8.ขยายผลอย่างไร
9.เชื่อมโยงกับ SDGs อย่างไร
(SDGsสามารถดูจากข้อมูลKPIย่อยในWebของUN)
หมายเหุต : ให้ดูภาพของFlowChartจากSlideประกอบ
สิ่งที่ได้จากการอบรมเรื่องอื่นๆ
VUCA Word
V-Volatility-ความผันผวน
U-Uncertainty-การคาดการณ์ได้ยาก
C-Complexity-ความซับซ้อน
A-Ambiguity-ความคลุมเคลือ
การตั้งราคาสินค้า 50%ควรเกิดจาก
-Idea
-Brand
การแบ่งยุคของDigital
-ยุค 1.0 --->Information Sysyemข้อมูลข่าวสาร
-ยุค 2.0 --->Social Network
-ยุค 3.0 --->Big Data ข้อมูลถูกเก็บหลากหลายรูปแบบมาก จำนวนมาก
-ยุค 4.0 --->Machine Learning(AI / IoT)
ปัญหาของประเทศไทย
-เราถูกสอนให้คิดตาม มิใช่ให้คิดเอง
ระดับการพัฒนาของประเทศไทยตาม Global Competitiveness index 2016
มีอยู่ 12 pillar ส่วนใหญ่ประเทศไทยอยู่ต่ำกว่า
ค่ามาตรฐานของ East Asia and Pacific
โดยเฉพาะ ด้านนวัติกรรม( 12th pillar : Innovation) อยู่ในระดับต่ำมากๆ
ประเทศไทย มีpillar ที่ต่ำมากๆ มี 2 pillar คือ
-1st pillar : Institutions-สถานประกอบการ
-12th pillar : Innovation-นวัตกรรม